คำถาม
คนเป็นโรคภูมิแพ้เยอะมาก คนนั้นก็แพ้อย่างโน้นอย่างนี้
ดิฉันก็เป็นค่ะ มีน้ำมูกรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจจังค่ะ เมื่อก่อนไม่ค่อยทุกข์ค่ะ ชอบเบลอๆ ง่วงๆ ซึมๆ ตึงขมับ ทำอย่างไรดีคะ
ขอความกรุณาท่านอาจารย์ตอบด้วยค่ะ ?
คำตอบ
ภูมิแพ้จะมี 3 ลักษณะ ใหญ่ ๆ
๑. ภูมิแพ้ผื่นคัน
๒.ภูมิแพ้หอบหืด
๓.ภูมิแพ้เป็นหวัด
๑. ภูมิแพ้ผื่นคัน เกิดจากร่างกายร้อนมาก แต่ร่างกายของคนนี้มีกลไกลขับพิษไปทางผิวหนัง ร่างกายก็จะมีการระบายความร้อนออกไปทางผิวหนังก็จะเกิดการเสียดสีกับเนื้อเยื่อ เสียดสีระบบประสาทที่ผิวหนัง พอเกิดการเสียดสีก็จะเกิดการระคายเคือง พอเกิดการระคายเคืองร่างกายก็จะส่งน้ำไปดับไฟ พอส่งน้ำไปดับไฟก็จะเป็นปื้นขึ้นมา จากระคายก็จะมีอาการคัน บางครั้งก็จะมีอาการเป็นตุ่มน้ำใส หรือเป็นหนอง
หากเป็นมากกว่านั้นก็จะเป็นผิวหนังอักเสบ หากเป็นมากว่านั้นก็จะเป็นหนังแข็ง มากขึ้นไปอีกก็จะมีการติดเชื้อ อาจจะเป็นเริม เป็นงูสวัด หรือการติดเชื้อรา หรือเป็นสะเก็ดเงิน จะเป็นการติดเชื้อสารพัดรูปแบบ เป็นต้น
วิธีการรักษา ของหมอแผนปัจจุบันก็จะใช้คาลาไม ไปใส่มันจะเย็นและอาการคันก็ลดลงเพราะว่ามันเย็น ความร้อนถูกซับออกมาพอไม่มีพลังงานร้อนตรงจุดนั้นอาการคัดก็จะลดลงเป็นธรรมดาและอาการอักเสบต่างๆ ก็จะลดลง ตามความเป็นจริงเราไม่จะเป็นต้องใช้คาลาไม อย่างเดียว
เราสามารถใช้อะไรก็ได้ที่มีฤทธิ์เย็น เอาไปวางได้หมด เช่น น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น เอาไปทา หรือเอากากของสมุนไพรฤทธิ์เย็นไปพอกไว้ก็ได้หรือนำน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นไปผสมแป้งแล้วเอาไปทาก็สามารถทำได้ หรือผสมดินสอพอง หรือ ผสมปูนแดง ก็ได้ หรือผสมน้ำปัสสาวะ (ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค) ก็ได้ อะไรที่ มีฤทธิ์เย็นต่างๆ แค่เอาไปแปะไว้ก็ทำให้หายได้ เพราะความเย็นจะไปซับพิษซับความร้อนที่ผิวหนังออกไปจึงทำให้ผื่นคันนั้นๆ ยุบไป
๒. ภูมิแพ้แบบหอบหืด เกิดจากร่างการที่ร้อนมากๆ จากภายในและร่างกายมีการระบายพิษร้อนออกมาทางปอดแต่ฤทธิ์ร้อนนั้นไม่สามารถมารถระบายได้ทัน และพิษร้อนนั้นก็ออกมาทางจมูกทางลมหายใจ เมื่อระบายออกไม่ทันพิษร้อนก็จะเผาปอด เผากล้ามเนื้อปอด และหลอดลมเหล่านั้นให้เกร็งค้าง ทำให้เลือดลมบริเวณนั้นๆ ไหลเวียนไม่สะดวก พอเลือดลมไหลเวียนไม่สะดวกก็จะเกิดการหอบขึ้นมา
การแก้ไข ก็แค่ใส่เย็นเข้าไปเพื่อไปลดความร้อนอาจจะมีการ กัวซาร่วมด้วยบริเวณหลัง หน้าอก แขน หรือบริเวณได้กระดูกไหปลาร้า บ่า ให้เน้น กัวซา บริเวณจุดลมปราณของปอด ให้มากๆ เพื่อเป็นการระบายพิษร้อนออกให้มากที่สุด พร้อมๆ กับการถอนพิษร้อนออกไปให้มากที่สุด อาการต่างๆ ก็จะหายไป
หากผู้ป่วยมีอาการหอบมากๆ อาจจะให้กินน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นผสมกับถ่าน ฉี่ และน้ำมันเขียวมรกต แล้วให้ผู้ป่วยกินได้เลยเพื่อเป็นการถอนพิษร้อน ที่เร็วขึ้น พอพิษร้อนได้ถูกถอนออกร่างกายก็จะไม่มีความร้อนไปเผากล้ามเนื้อ หลอดลมก็จะคลายตัว ไม่มีการกดรัดเส้นเลือด เมื่อเลือดลมสามารถไหลเวียนได้ดี อาการหอบหืดก็จะหายไป
ในกรณีคนที่นอนกรน การนอนกรนก็เป็นน้องของหอบหืด เกิดจากความร้อนเผาปอดเหมือนกันแต่ก็ไม่ถึงกับขั้นหอบหืด แค่ขั้นหายใจลำบากเท่านั้นเองเมื่อเลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก ก็จะมีการหายใจทางปากร่วมด้วยจึงทำให้เกิดเสียงกรนออกมา พอมีการถอนพิษร้อนออกกล้ามเนื้อคลายตัวเลือดลมสามารถไหลเวียนได้สะดวก อาการนอนกรนก็จะหายไป
อาการสะอึกก็เหมือนกันเมื่อ ลมไปคั้นอยู่ที่ปอดมากๆ ทำให้ความร้อนไปค้างอยู่ที่กะบังลม และมีการถ่ายความร้อนไปที่เส้น สุมมะนา ทำให้สะอึก
ในสมัยโบราณเมื่อมีการสะอึกจะนิยมให้กินน้ำ เพื่อไปดับความร้อนแต่หากเป็นมากๆ กินน้ำก็ไม่สามารถทำให้หายได้ หรือการทำให้ตกใจ เมื่อมีการตกในทำให้ความร้อนถูกบีบออก ก็ทำให้หายสะอีกได้ หรืออาจจะมีการกดเส้นลมปราณต่าง ๆ ร่วมด้วยก็จะทำให้หายสะอึกได้เช่นกัน
ท้องผูกก็เกิดจากความร้อนเผาน้ำในลำไส้ให้แห้ง และเผาลำไส้ให้ล้า พอน้ำในลำไส้แห้งก็มีการขับออกได้ยากเกิดความเหนียว และติด เหมือนกับอุจาระเมื่อไม่มีน้ำราดในโถส้วมก็จะเหนียวและติด นี้ก็เช่นเดียวกันและยิ่งมีการเผาลำไส้ทำให้ลำไส้ไม่มีกำลังด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้ไม่มีแรงในการขับอุจจาระ ออกมา เมื่อเราทำการถอนพิษร้อนออก ลำไส้ก็จะมีน้ำ ลำให้ก็จะมีแรงในการขับของเสียออกมาทำให้ถ่ายได้เอง ช่วงแรก อาจจะมีการทำดีท็อกซ์ การกินน้ำย่างนาง เพื่อช่วยทำให้ร่างกายเย็นลงเมื่อลำให้แข็งแรงก็จะมีการถ่ายได้เอง ตามปรกติ
๓.โรคภูมิแพ้เป็นหวัด
เกิดจากร่างกายมีสภาวะร้อนมาก ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคนกินอาหารรสเผ็ด มากๆ จะทำให้น้ำมูกไหล ทำไมถึงน้ำมูกไหล ก็เพราะมีความร้อน และความร้อนนั้นระบายออกมาที่ปอดและหลอดลม ผ่านจมูก
พอความร้อนระบายออกก็เกิดการระคาย พอเกิดการระคาย ร่างกายก็จะส่งน้ำมาดับไฟ มาดับความระคาย มาดับความร้อน น้ำที่ส่งมาเลยกลายเป็นน้ำมูก
เราก็ต้องน้ำมูกนั้นออกไป พอเป็นมากๆ เข้า และไม่ยอมหยุดของร้อนเชื้อโรคมากขึ้นๆ ก็ทำให้น้ำมูกกลายเป็น สีเหลือง สีเขียวนั้นเพราะเชื้อโรคมีการขยายตัวอีกทีหนึ่ง แต่หากเชื้อโรคไม่มีการขยายน้ำมูกก็จะเป็นสีใสๆ เมื่อเป็นอย่างนั้นก็ให้สั่งน้ำมูกนั้นออกไป ดังนั้นคนที่กินของร้อนอยู่บ่อยๆ ก็จะเป็นหวัดเรื้อรังอยู่เรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น พอไปหาหมอก็จะให้ยาแก้แพ้มากดเอาไว้กดไว้อย่างนั้น ไม่ว่ายาแก้หอบหืด ยาแก้ผื่นคัน ยาต่างๆ เหล่านี้เมื่อความร้อนไปที่ไหนก็จะมีการสั่งประสาทให้พิษร้อนกลับไปที่เก่า
เมื่อเราใส่พิษร้อนเข้าไปอีก ร่างกายก็ต้องการระบายออกอีกแต่ก็ไม่สามารถระบายออกได้ เมื่อเป็นนานๆ เข้า ก็จะมีโรคอื่นแทรกซ้อนหรืออาจจะกลายเป็นมะเร็งในที่สุด เพราะว่าพิษร้อนได้มีการอัดผังไว้ตลอดเวลาไม่ได้ระบายออกไปที่ใดเลยอีกทั้งมีการเพิ่มความร้อนอยู่ตลอดเวลาทำให้ร่างกายทรุดโทรมลงเรื่อยๆ การแก้ไข ก็แค่ใส่เย็นและลดร้อนลงก็จะหายได้ และในคนไข้บางรายจะเป็นหวัดเฉพาะแค่ช่วงตอนเช้าเท่านั้น ซึ่งก็เกิดจากร่างกายมีความร้อน แต่หลายคนเข้าใจผิดว่าเกิดจากเย็นเกิน การเป็นหวัดตอนเช้าก็เพราะร้อนเกิน พอร่างกายร้อนมาก ๆ แต่พอเราตื่นตอนเข้าอากาศจะเย็นแต่ร่างกายจะร้อนมากเมื่อความร้อนกับความเย็นมาเจอกันก็จะมีการวิ่งสวนทางกัน เมื่อมีการเคลื่อนสวนทางกันก็จะเกิดการระคาย พอเกิดการระคายร่างกายก็จะส่งน้ำมาดับความระคาย แต่เมื่อมีอาการเช่นนี้เกิดขึ้น คนก็จะไปกินของร้อน เช่น ไปกินขิง ทำให้ความร้อนมีการเพิ่มอัดเข้าไป วันหน้าคุณก็จะเป็นใหม่เพราะมีการอัดของร้อนเข้าไปซ้ำๆ อย่างนี้ แต่เมื่อคุณถอนพิษร้อนออกเพิ่มความเย็นเข้าไปอาการดังกล่าวก็จะหายไป
ในบางครั้งตอนเช้าถ้าเรามีอาการหนาวสะท้านก็ให้กินสิ่งที่มีฤทธิ์เย็นแล้วกดน้ำร้อนใส่เข้าไปก็ได้แล้วค่อยกิน เมื่อสายๆ หน่อยเราก็กินผักสดธรรมดา เท่าที่เรารู้สึกสบาย ให้ทำตามการถอนพิษร้อนตามยา 9 เม็ด ความร้อนก็จะลดลง หวัดก็จะหายไป หรือแม้แต่ โรคไซนัส ก็เหมือนกัน แต่นี้เป็นถึงขั้นติดเชื้อแล้ว หากคุณไปผ่าตัด ไปล้างออก แต่ยังมีการใส่พิษร้อนเข้าร่างกาย เรื่อยๆ โรคก็จะกลับมาเหมือนเดิมแต่หากได้ใช้วิธียา 9 เม็ด ไซนัส ก็สามารถหายได้โดยไม่ต้องมีการผ่าตัด
แต่ภูมิแพ้ทั้ง 3 แบบนี้ ถ้ามันเกินตอนอากาศร้อนอบอ้าว เกิดผื่นแพ้ และคันขึ้น เกิดหอบหืดขึ้น เกิดเป็นหวัดขึ้น อย่างนี้ให้ใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็นสดแก้ไปได้เลย หรืออาหารฤทธิ์เย็นสดกินเข้าไปได้เลย แต่ถ้าอาการแพ้นั้นเกิดจากการกระทบกับอากาศเย็นอย่าใช้สมุนไพรสดฤทธิ์เย็นแก้โดยเด็ดขาดเพราะมันจะไม่ค่อยได้ผลและจะยิ่งแย่
หากเกิดอาการอย่างนี้ให้เราใช้เย็นผ่านไฟหรือใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็นผสมกับสมุนไพรฤทธิ์ร้อนเล็กน้อยเพราะมันเกิดจากเหตุเย็นมากระทบ และร่างกายของเราปรับตัวไม่ทันความร้อนกับความเย็นเคลื่อนสวนทางกัน เพราะร่างกายจะมีความหนาวแทรกอยู่บ้างเหมือนกันเพื่อที่จะเป็นสามารถปรับตัวได้ไวก็ให้ใช้เย็นผ่านไฟ เพราะฉะนั้นเพื่อพบคนไข้ที่เป็นโรคหอบหืดก็ให้ดูว่าเป็นในช่วงเวลาไดเพื่อที่จะสามารถรักษาได้อย่างถูกต้อง เพราะความหนาวที่มากระทบนั้นแหละทำให้ร่างกายแร่งผลิตความร้อนขึ้นมาเพื่อสู้กับความหนาวเมื่อเร่งความร้อนขึ้นมามันก็จะร้อนเป็นทวีคูณเพราะฉะนั้นเมื่อเราใส่ ความอุ่นเข้าไปมันก็จะไปสู่กับความหนาวได้พอดีโดยที่ร่างกายไม่ต้องมีการผลิตความร้อนขึ้นมา
การแพ้อาหารก็เหมือนกัน
ส่วนใหญ่คนจะแพ้อาหารทะเล อาหารที่มีฤทธิ์ร้อน และอาหารทะเลจะมีคลอเรสเตอรรอล มีโซเดียม สูง มันจะร้อนมาก คนจะแพ้บ่อยและก็ตายง่าย เมื่อไม่ทราบสาเหตุก็จะมีการใช่ยามากดอาการ กดโรคเอาไว้ จากผลของยา สุดท้ายก็จะมีโรคแทรกซ้อน แต่คนส่วนใหญ่ก็จะไปโทษขนหมา ขนแมว ขนไก่ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ในคน แต่ในสั่งต่างๆ มันจะเป็นสัตว์เลือดอุ่นเพราะฉะนั้นความร้อนต่างๆ มันก็จะไปสะสมอยู่ที่ขนจึงทำให้ขนของสัตว์ร้อนกว่าส่วนอื่น เมื่อขนของสัตว์มาโดน ตัวคุณเองก็มีความร้อนอยู่แล้วก็เลยมีความร้อนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ก็เลยทำให้มีอาการแพ้ขึ้นมา แต่หากคุณไม่มีความร้อนเพื่อไปโดนขนสัตว์ก็จะไม่เป็นอะไร
ที่มา: เพจหมอเขียว-ตอบปัญหาสุขภาพกายใจ (คลิ๊ก)
คนเป็นโรคภูมิแพ้เยอะมาก คนนั้นก็แพ้อย่างโน้นอย่างนี้
ดิฉันก็เป็นค่ะ มีน้ำมูกรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจจังค่ะ เมื่อก่อนไม่ค่อยทุกข์ค่ะ ชอบเบลอๆ ง่วงๆ ซึมๆ ตึงขมับ ทำอย่างไรดีคะ
ขอความกรุณาท่านอาจารย์ตอบด้วยค่ะ ?
คำตอบ
ภูมิแพ้จะมี 3 ลักษณะ ใหญ่ ๆ
๑. ภูมิแพ้ผื่นคัน
๒.ภูมิแพ้หอบหืด
๓.ภูมิแพ้เป็นหวัด
๑. ภูมิแพ้ผื่นคัน เกิดจากร่างกายร้อนมาก แต่ร่างกายของคนนี้มีกลไกลขับพิษไปทางผิวหนัง ร่างกายก็จะมีการระบายความร้อนออกไปทางผิวหนังก็จะเกิดการเสียดสีกับเนื้อเยื่อ เสียดสีระบบประสาทที่ผิวหนัง พอเกิดการเสียดสีก็จะเกิดการระคายเคือง พอเกิดการระคายเคืองร่างกายก็จะส่งน้ำไปดับไฟ พอส่งน้ำไปดับไฟก็จะเป็นปื้นขึ้นมา จากระคายก็จะมีอาการคัน บางครั้งก็จะมีอาการเป็นตุ่มน้ำใส หรือเป็นหนอง
หากเป็นมากกว่านั้นก็จะเป็นผิวหนังอักเสบ หากเป็นมากว่านั้นก็จะเป็นหนังแข็ง มากขึ้นไปอีกก็จะมีการติดเชื้อ อาจจะเป็นเริม เป็นงูสวัด หรือการติดเชื้อรา หรือเป็นสะเก็ดเงิน จะเป็นการติดเชื้อสารพัดรูปแบบ เป็นต้น
วิธีการรักษา ของหมอแผนปัจจุบันก็จะใช้คาลาไม ไปใส่มันจะเย็นและอาการคันก็ลดลงเพราะว่ามันเย็น ความร้อนถูกซับออกมาพอไม่มีพลังงานร้อนตรงจุดนั้นอาการคัดก็จะลดลงเป็นธรรมดาและอาการอักเสบต่างๆ ก็จะลดลง ตามความเป็นจริงเราไม่จะเป็นต้องใช้คาลาไม อย่างเดียว
เราสามารถใช้อะไรก็ได้ที่มีฤทธิ์เย็น เอาไปวางได้หมด เช่น น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น เอาไปทา หรือเอากากของสมุนไพรฤทธิ์เย็นไปพอกไว้ก็ได้หรือนำน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นไปผสมแป้งแล้วเอาไปทาก็สามารถทำได้ หรือผสมดินสอพอง หรือ ผสมปูนแดง ก็ได้ หรือผสมน้ำปัสสาวะ (ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค) ก็ได้ อะไรที่ มีฤทธิ์เย็นต่างๆ แค่เอาไปแปะไว้ก็ทำให้หายได้ เพราะความเย็นจะไปซับพิษซับความร้อนที่ผิวหนังออกไปจึงทำให้ผื่นคันนั้นๆ ยุบไป
๒. ภูมิแพ้แบบหอบหืด เกิดจากร่างการที่ร้อนมากๆ จากภายในและร่างกายมีการระบายพิษร้อนออกมาทางปอดแต่ฤทธิ์ร้อนนั้นไม่สามารถมารถระบายได้ทัน และพิษร้อนนั้นก็ออกมาทางจมูกทางลมหายใจ เมื่อระบายออกไม่ทันพิษร้อนก็จะเผาปอด เผากล้ามเนื้อปอด และหลอดลมเหล่านั้นให้เกร็งค้าง ทำให้เลือดลมบริเวณนั้นๆ ไหลเวียนไม่สะดวก พอเลือดลมไหลเวียนไม่สะดวกก็จะเกิดการหอบขึ้นมา
การแก้ไข ก็แค่ใส่เย็นเข้าไปเพื่อไปลดความร้อนอาจจะมีการ กัวซาร่วมด้วยบริเวณหลัง หน้าอก แขน หรือบริเวณได้กระดูกไหปลาร้า บ่า ให้เน้น กัวซา บริเวณจุดลมปราณของปอด ให้มากๆ เพื่อเป็นการระบายพิษร้อนออกให้มากที่สุด พร้อมๆ กับการถอนพิษร้อนออกไปให้มากที่สุด อาการต่างๆ ก็จะหายไป
หากผู้ป่วยมีอาการหอบมากๆ อาจจะให้กินน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นผสมกับถ่าน ฉี่ และน้ำมันเขียวมรกต แล้วให้ผู้ป่วยกินได้เลยเพื่อเป็นการถอนพิษร้อน ที่เร็วขึ้น พอพิษร้อนได้ถูกถอนออกร่างกายก็จะไม่มีความร้อนไปเผากล้ามเนื้อ หลอดลมก็จะคลายตัว ไม่มีการกดรัดเส้นเลือด เมื่อเลือดลมสามารถไหลเวียนได้ดี อาการหอบหืดก็จะหายไป
ในกรณีคนที่นอนกรน การนอนกรนก็เป็นน้องของหอบหืด เกิดจากความร้อนเผาปอดเหมือนกันแต่ก็ไม่ถึงกับขั้นหอบหืด แค่ขั้นหายใจลำบากเท่านั้นเองเมื่อเลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก ก็จะมีการหายใจทางปากร่วมด้วยจึงทำให้เกิดเสียงกรนออกมา พอมีการถอนพิษร้อนออกกล้ามเนื้อคลายตัวเลือดลมสามารถไหลเวียนได้สะดวก อาการนอนกรนก็จะหายไป
อาการสะอึกก็เหมือนกันเมื่อ ลมไปคั้นอยู่ที่ปอดมากๆ ทำให้ความร้อนไปค้างอยู่ที่กะบังลม และมีการถ่ายความร้อนไปที่เส้น สุมมะนา ทำให้สะอึก
ในสมัยโบราณเมื่อมีการสะอึกจะนิยมให้กินน้ำ เพื่อไปดับความร้อนแต่หากเป็นมากๆ กินน้ำก็ไม่สามารถทำให้หายได้ หรือการทำให้ตกใจ เมื่อมีการตกในทำให้ความร้อนถูกบีบออก ก็ทำให้หายสะอีกได้ หรืออาจจะมีการกดเส้นลมปราณต่าง ๆ ร่วมด้วยก็จะทำให้หายสะอึกได้เช่นกัน
ท้องผูกก็เกิดจากความร้อนเผาน้ำในลำไส้ให้แห้ง และเผาลำไส้ให้ล้า พอน้ำในลำไส้แห้งก็มีการขับออกได้ยากเกิดความเหนียว และติด เหมือนกับอุจาระเมื่อไม่มีน้ำราดในโถส้วมก็จะเหนียวและติด นี้ก็เช่นเดียวกันและยิ่งมีการเผาลำไส้ทำให้ลำไส้ไม่มีกำลังด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้ไม่มีแรงในการขับอุจจาระ ออกมา เมื่อเราทำการถอนพิษร้อนออก ลำไส้ก็จะมีน้ำ ลำให้ก็จะมีแรงในการขับของเสียออกมาทำให้ถ่ายได้เอง ช่วงแรก อาจจะมีการทำดีท็อกซ์ การกินน้ำย่างนาง เพื่อช่วยทำให้ร่างกายเย็นลงเมื่อลำให้แข็งแรงก็จะมีการถ่ายได้เอง ตามปรกติ
๓.โรคภูมิแพ้เป็นหวัด
เกิดจากร่างกายมีสภาวะร้อนมาก ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคนกินอาหารรสเผ็ด มากๆ จะทำให้น้ำมูกไหล ทำไมถึงน้ำมูกไหล ก็เพราะมีความร้อน และความร้อนนั้นระบายออกมาที่ปอดและหลอดลม ผ่านจมูก
พอความร้อนระบายออกก็เกิดการระคาย พอเกิดการระคาย ร่างกายก็จะส่งน้ำมาดับไฟ มาดับความระคาย มาดับความร้อน น้ำที่ส่งมาเลยกลายเป็นน้ำมูก
เราก็ต้องน้ำมูกนั้นออกไป พอเป็นมากๆ เข้า และไม่ยอมหยุดของร้อนเชื้อโรคมากขึ้นๆ ก็ทำให้น้ำมูกกลายเป็น สีเหลือง สีเขียวนั้นเพราะเชื้อโรคมีการขยายตัวอีกทีหนึ่ง แต่หากเชื้อโรคไม่มีการขยายน้ำมูกก็จะเป็นสีใสๆ เมื่อเป็นอย่างนั้นก็ให้สั่งน้ำมูกนั้นออกไป ดังนั้นคนที่กินของร้อนอยู่บ่อยๆ ก็จะเป็นหวัดเรื้อรังอยู่เรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น พอไปหาหมอก็จะให้ยาแก้แพ้มากดเอาไว้กดไว้อย่างนั้น ไม่ว่ายาแก้หอบหืด ยาแก้ผื่นคัน ยาต่างๆ เหล่านี้เมื่อความร้อนไปที่ไหนก็จะมีการสั่งประสาทให้พิษร้อนกลับไปที่เก่า
เมื่อเราใส่พิษร้อนเข้าไปอีก ร่างกายก็ต้องการระบายออกอีกแต่ก็ไม่สามารถระบายออกได้ เมื่อเป็นนานๆ เข้า ก็จะมีโรคอื่นแทรกซ้อนหรืออาจจะกลายเป็นมะเร็งในที่สุด เพราะว่าพิษร้อนได้มีการอัดผังไว้ตลอดเวลาไม่ได้ระบายออกไปที่ใดเลยอีกทั้งมีการเพิ่มความร้อนอยู่ตลอดเวลาทำให้ร่างกายทรุดโทรมลงเรื่อยๆ การแก้ไข ก็แค่ใส่เย็นและลดร้อนลงก็จะหายได้ และในคนไข้บางรายจะเป็นหวัดเฉพาะแค่ช่วงตอนเช้าเท่านั้น ซึ่งก็เกิดจากร่างกายมีความร้อน แต่หลายคนเข้าใจผิดว่าเกิดจากเย็นเกิน การเป็นหวัดตอนเช้าก็เพราะร้อนเกิน พอร่างกายร้อนมาก ๆ แต่พอเราตื่นตอนเข้าอากาศจะเย็นแต่ร่างกายจะร้อนมากเมื่อความร้อนกับความเย็นมาเจอกันก็จะมีการวิ่งสวนทางกัน เมื่อมีการเคลื่อนสวนทางกันก็จะเกิดการระคาย พอเกิดการระคายร่างกายก็จะส่งน้ำมาดับความระคาย แต่เมื่อมีอาการเช่นนี้เกิดขึ้น คนก็จะไปกินของร้อน เช่น ไปกินขิง ทำให้ความร้อนมีการเพิ่มอัดเข้าไป วันหน้าคุณก็จะเป็นใหม่เพราะมีการอัดของร้อนเข้าไปซ้ำๆ อย่างนี้ แต่เมื่อคุณถอนพิษร้อนออกเพิ่มความเย็นเข้าไปอาการดังกล่าวก็จะหายไป
ในบางครั้งตอนเช้าถ้าเรามีอาการหนาวสะท้านก็ให้กินสิ่งที่มีฤทธิ์เย็นแล้วกดน้ำร้อนใส่เข้าไปก็ได้แล้วค่อยกิน เมื่อสายๆ หน่อยเราก็กินผักสดธรรมดา เท่าที่เรารู้สึกสบาย ให้ทำตามการถอนพิษร้อนตามยา 9 เม็ด ความร้อนก็จะลดลง หวัดก็จะหายไป หรือแม้แต่ โรคไซนัส ก็เหมือนกัน แต่นี้เป็นถึงขั้นติดเชื้อแล้ว หากคุณไปผ่าตัด ไปล้างออก แต่ยังมีการใส่พิษร้อนเข้าร่างกาย เรื่อยๆ โรคก็จะกลับมาเหมือนเดิมแต่หากได้ใช้วิธียา 9 เม็ด ไซนัส ก็สามารถหายได้โดยไม่ต้องมีการผ่าตัด
แต่ภูมิแพ้ทั้ง 3 แบบนี้ ถ้ามันเกินตอนอากาศร้อนอบอ้าว เกิดผื่นแพ้ และคันขึ้น เกิดหอบหืดขึ้น เกิดเป็นหวัดขึ้น อย่างนี้ให้ใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็นสดแก้ไปได้เลย หรืออาหารฤทธิ์เย็นสดกินเข้าไปได้เลย แต่ถ้าอาการแพ้นั้นเกิดจากการกระทบกับอากาศเย็นอย่าใช้สมุนไพรสดฤทธิ์เย็นแก้โดยเด็ดขาดเพราะมันจะไม่ค่อยได้ผลและจะยิ่งแย่
หากเกิดอาการอย่างนี้ให้เราใช้เย็นผ่านไฟหรือใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็นผสมกับสมุนไพรฤทธิ์ร้อนเล็กน้อยเพราะมันเกิดจากเหตุเย็นมากระทบ และร่างกายของเราปรับตัวไม่ทันความร้อนกับความเย็นเคลื่อนสวนทางกัน เพราะร่างกายจะมีความหนาวแทรกอยู่บ้างเหมือนกันเพื่อที่จะเป็นสามารถปรับตัวได้ไวก็ให้ใช้เย็นผ่านไฟ เพราะฉะนั้นเพื่อพบคนไข้ที่เป็นโรคหอบหืดก็ให้ดูว่าเป็นในช่วงเวลาไดเพื่อที่จะสามารถรักษาได้อย่างถูกต้อง เพราะความหนาวที่มากระทบนั้นแหละทำให้ร่างกายแร่งผลิตความร้อนขึ้นมาเพื่อสู้กับความหนาวเมื่อเร่งความร้อนขึ้นมามันก็จะร้อนเป็นทวีคูณเพราะฉะนั้นเมื่อเราใส่ ความอุ่นเข้าไปมันก็จะไปสู่กับความหนาวได้พอดีโดยที่ร่างกายไม่ต้องมีการผลิตความร้อนขึ้นมา
การแพ้อาหารก็เหมือนกัน
ส่วนใหญ่คนจะแพ้อาหารทะเล อาหารที่มีฤทธิ์ร้อน และอาหารทะเลจะมีคลอเรสเตอรรอล มีโซเดียม สูง มันจะร้อนมาก คนจะแพ้บ่อยและก็ตายง่าย เมื่อไม่ทราบสาเหตุก็จะมีการใช่ยามากดอาการ กดโรคเอาไว้ จากผลของยา สุดท้ายก็จะมีโรคแทรกซ้อน แต่คนส่วนใหญ่ก็จะไปโทษขนหมา ขนแมว ขนไก่ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ในคน แต่ในสั่งต่างๆ มันจะเป็นสัตว์เลือดอุ่นเพราะฉะนั้นความร้อนต่างๆ มันก็จะไปสะสมอยู่ที่ขนจึงทำให้ขนของสัตว์ร้อนกว่าส่วนอื่น เมื่อขนของสัตว์มาโดน ตัวคุณเองก็มีความร้อนอยู่แล้วก็เลยมีความร้อนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ก็เลยทำให้มีอาการแพ้ขึ้นมา แต่หากคุณไม่มีความร้อนเพื่อไปโดนขนสัตว์ก็จะไม่เป็นอะไร
ที่มา: เพจหมอเขียว-ตอบปัญหาสุขภาพกายใจ (คลิ๊ก)
No comments:
Post a Comment